หน้าแรก
แผนบริหารความเสี่ยง กทม.
1.1 ทะเบียนความเสี่ยงของกรุงเทพมหานคร
1.2 แผนการจัดการความเสี่ยง ปี 2568
1.3 ตารางการบริหารความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์
1.4 โครงการและการบริหารความเสี่ยง
เข้าสู่ระบบ
หนังสือเวียน/คำสั่ง
2.1 เวียนแจ้งหน่วยงานทำรายงานควบคุมภายใน
2.2 Risk Management Framework BMA
2.3 คำสั่งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง กทม
2.4 แนวทางการบริหารความเสี่ยง กทม.
2.5 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Home
ทะเบียนความเสี่ยง กทม.
1
หน้าหลัก
แบ่งกลุ่ม ESG
กรุณาเลือก...
E (environment)- สิ่งแวดล้อม
S (social)-สังคม
G (goverment)- ธรรมภิบาล
No.
ประเภท ความเสี่ยง
รหัสประเภท
ความเสี่ยง (Risk)
1.1 น้ำฝนตกลงมาในปริมาณที่มากเกินอัตราที่ระบบป้องกันน้ำท่วมของ กรุงเทพฯ จะรับได้ (รับได้ที่ประมาณ๖๐ มิลลิเมตรต่อชั่วโมง)
ปัจจัยความเสี่ยง (Risk Factor)
1) ภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) 2) พื้นที่ลุ่มต่ำ 3) ขยะตกค้างกีดขวางอุดตันทางระบายน้ำและท่อระบายน้ำ 4) การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ขวางทางน้ำไหล พื้นที่รองรับน้ำลดลง 5) การก่อสร้างสาธารณูปโภครถไฟฟ้า ท่ออุโมงค์ ท่อประปา ท่อ- เช่นร้อยสายโทรศัพท์ การก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำ และโครงการก่อสร้างอื่นๆ ของรัฐกีดขวางทางน้ำไหล 6) การบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมขังที่ขาดประสิทธิภาพและการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7) ท่อระบายน้ำเดิมไม่เพียงพอกับการรองรับ 8) ประชาชนส่วนใหญ่ขาดจิตสำนึกของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและความรับผิดชอบต่อสังคม
หน่วยงานจัดการความเสี่ยง (Risk Owner)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Risk Relative)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง : 1. สำนักผังเมือง 2. สำนักการโยธา 3. สำนักการระบายน้ำ 4. สำนักงานเขต
ผลกระทบภายใน (Internal Impact)
1. เกิดปัญหาน้ำท่วมเพิ่มขึ้นทั้งบริเวณจุดที่มีปัญหาน้ำท่วมและระยะเวลาน้ำท่วมขังจะเพิ่มขึ้น ใช้เวลาแก้ไขนานขึ้น 2. สูญเสียงบประมาณในการซ่อมแซมถนน สิ่งก่อสร้างสาธารณูปโภค และบ้านเรือนของประชาชน
ผลกระทบภายนอก (External Impact)
1. สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของรัฐและประชาชน 2. ปัญหาการจราจรติดขัด 3. น้ำท่วมขังสกปรก ส่งผลต่อสุขอนามัยของประชาชน 4. น้ำไม่สามารถไหลลงคลองได้อย่างสะดวก 5. เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตของประชาชน 6. มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม
โอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง
ความรุนแรงของผลกระทบ
โอกาสที่เกิด x ผลกระทบ (*คำนวณ)
ระดับความเสี่ยงที่มี (*คำนวณ)
การควบคุมที่มีอยู่ (Control in Place)
ก่อนเกิดเหตุ 1. พัฒนาระบบระบายน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย เช่น การก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ 4 แห่งและที่จะสร้างเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง 2. พัฒนาระบบแก้มลิงรองรับน้ำป้องกันน้ำท่วม 3. จัดเตรียมทีมฉุกเฉินเพื่อออกดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงฝนตกหนัก เช่น การยก Stop Log แก้ไขการอุดตันในท่อและบ่อดักน้ำเสีย ตลอดจนการกั้นกระสอบทราย 4. การจัดหาและบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอกับพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาน้ำท่วม 5. ระบบเตือนภัยในคลองระบายน้ำสายสำคัญ (ติดตั้งเครื่องวัดอัตราการไหลของน้ำ) 6. ควบคุมร้านประกอบอาหารต่างๆ ให้จัดทำบ่อดักไขมันไม่ให้ลงท่อระบายน้ำ 7. ตรวจสอบการระบายน้ำภายในสถานีสูบน้ำ ขุดลอกรางระบายน้ำ เก็บขยะ กำจัดวัชพืชกั้นกระสอบทราย หุ้มพลาสติกตู้ควบคุมต่างๆบริเวณพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม 8. ตรวจสอบช่องรับน้ำถนนสายหลัก 9. ตรวจสอบการรุกล้ำที่สาธารณะ และติดตามประเมินผล 10. ประสานหน่วยงานเจ้าของโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภค เพื่อวางแผนระบบระบายน้ำ 11. ติดต่อประสานเจ้าของพื้นที่เอกชนให้โอนพื้นที่เป็นที่สาธารณะ และปิดประกาศ เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถเข้าไปปรับปรุงบริหารจัดการบริเวณพื้นที่น้ำท่วมขังได้ 12. เจ้าหน้าที่เทศกิจ 50 สำนักงานเขต ตั้งจุดอำนวยการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในจุดที่มีคนพลุกพล่าน และเข้มงวดมาตรการจับปรับกับผู้ที่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำและที่สาธารณะ 13. สำนักงานเขตจัดเก็บขยะ วัชพืชตกค้างในพื้นที่ให้หมด ไม่ให้มีขยะตกค้าง และกำหนดวันจัดเก็บขยะชิ้นใหญ่อย่างทั่วถึง 14. การขุดลอกคลองและเปิดทางน้ำไหลในคลองสายหลักและสายรอง 15. ทำความสะอาดท่อระบายน้ำในบริเวณที่มีดินตะกอนทับถมมาก 16. พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พ.ศ.2535 17. พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ระหว่างเกิดเหตุ 1. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กทม. แจ้งสถานการณ์ฝนตกและพื้นที่น้ำท่วมเป็นระยะ ๆ 2. เร่งลดระดับน้ำในท่อระบายน้ำโดยการสูบน้ำระบายลงคลอง หลังเกิดเหตุ 1. หน่วยเคลื่อนที่เร็ว (หน่วยเบสท์) รถโมบายล์และทีมช่างเข้าไปอำนวยการจราจรในจุดน้ำท่วมขัง
โอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงที่เหลือ
ความรุนแรงของผลกระทบ
โอกาสที่เหลือ x ผลกระทบ (*คำนวณ)
ระดับความเสี่ยงที่เหลือ (*คำนวณ)
การจัดการความเสี่ยง